รากฟันเทียม เป็นทางเลือกที่ช่วยทดแทนฟันที่สูญเสียไป โดยฝังรากฟันเทียมลงในกระดูกขากรรไกร เพื่อทำหน้าที่เสมือนรากฟันธรรมชาติ และใช้เป็นฐานรองรับฟันปลอม ไม่ว่าจะเป็นแบบถอดได้หรือแบบติดแน่น การรักษานี้ช่วยป้องกันปัญหาฟันข้างเคียงล้มเอียง หรือการเคลื่อนตัวของฟันที่เหลืออยู่ อีกทั้งยังช่วยให้สามารถบดเคี้ยวอาหารได้อย่างเป็นธรรมชาติ

รากฟันเทียมเจ็บหรือไม่?

หลายคนกังวลเกี่ยวกับความเจ็บปวดจากการฝังรากฟันเทียม แต่จริง ๆ แล้ว ขั้นตอนนี้ทำภายใต้ยาชา จึงไม่รู้สึกเจ็บขณะทำ และหลังจากยาชาหมดฤทธิ์ อาการเจ็บปวดอาจเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย ซึ่งมักจะน้อยกว่าการถอนฟัน และสามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวดที่ทันตแพทย์สั่ง

การดูแลช่องปากหลังทำรากฟันเทียม

เพื่อให้แผลหายเร็วและลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้:

✅ 2-3 วันแรก หลีกเลี่ยงการแปรงฟันบริเวณแผลผ่าตัด และบ้วนปากเบา ๆ ด้วยน้ำเกลือหลังรับประทานอาหาร

✅ หลังจากนั้นสามารถกลับมาแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันได้ตามปกติ แต่ต้องทำอย่างเบามือ เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนแผล

ควรรับประทานอาหารประเภทใดหลังการฝังรากฟันเทียม?

ช่วงแรกควรเลือกรับประทาน อาหารอ่อน ๆ เช่น:

🍲 ข้าวต้ม, แกงจืด, มันบด, เกี๊ยวน้ำ, ไข่ตุ๋น

❌ หลีกเลี่ยงอาหารที่เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด ร้อนจัด เย็นจัด หรือเหนียว เพราะอาจทำให้แผลระคายเคือง

รากฟันเทียมมีผลข้างเคียงหรือไม่?

แม้ว่าการทำรากฟันเทียมจะมีความปลอดภัยสูง แต่ยังมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น

⚠️ การติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัด

⚠️ กระดูกไม่สามารถยึดติดกับรากฟันเทียม

⚠️ การบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อหรือเส้นประสาทใกล้เคียง

อย่างไรก็ตาม หากเข้ารับการรักษากับทันตแพทย์ที่มีประสบการณ์ พร้อมการวางแผนรักษาที่รอบคอบ ก็สามารถลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้

รากฟันเทียมอยู่ได้นานแค่ไหน?

หากได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง รากฟันเทียมสามารถอยู่ได้นานหลายสิบปี หรือแม้แต่ตลอดชีวิต ควรแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ รวมถึงเข้ารับการตรวจสุขภาพช่องปากอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้รากฟันเทียมของคุณแข็งแรงและใช้งานได้ยาวนาน