
การเลือกแปรงสีฟันอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ความจริงแล้วมันคือเครื่องมือหลักที่เราใช้ดูแลสุขภาพช่องปากทุกวัน การเลือกแปรงที่ไม่เหมาะสมหรือใช้ผิดวิธีอาจทำร้ายเหงือกและฟันโดยไม่รู้ตัว
บทความนี้จะให้หลักการในการเลือกแปรงสีฟันที่ถูกต้อง พร้อมเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียระหว่างแปรงสีฟันธรรมดาและแปรงสีฟันไฟฟ้า เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกแปรงที่ "ใช่" ที่สุดสำหรับคุณ
หลักการสำคัญในการเลือกแปรงสีฟันทุกชนิด
ก่อนจะตัดสินใจระหว่างแปรงธรรมดาหรือแปรงไฟฟ้า มีสองสิ่งที่ต้องพิจารณาเป็นอันดับแรกเสมอ
- เลือกขนแปรงนุ่ม (Soft / Extra Soft) เท่านั้น ขนแปรงที่แข็งเกินไปไม่สามารถทำความสะอาดได้ดีกว่า แต่กลับเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เคลือบฟันสึกและเหงือกร่น ซึ่งนำไปสู่อาการเสียวฟัน ขนแปรงนุ่มสามารถซอกซอนทำความสะอาดร่องเหงือกได้อย่างอ่อนโยนและปลอดภัย
- เลือกขนาดหัวแปรงให้พอเหมาะ หัวแปรงไม่ควรใหญ่เกินไปจนเข้าไม่ถึงฟันกรามซี่ในสุด ควรมีขนาดที่พอดีกับช่องปากเพื่อให้สามารถทำความสะอาดฟันได้ครบทุกซี่ ทุกด้าน

เทียบความแตกต่าง: แปรงสีฟันธรรมดา vs แปรงสีฟันไฟฟ้า
เมื่อเข้าใจหลักการพื้นฐานแล้ว เรามาดูข้อดีข้อเสียของแปรงแต่ละประเภทกัน
1. แปรงสีฟันธรรมดา (Manual Toothbrush)
- ข้อดี คือหาซื้อง่าย ราคาประหยัด พกพาสะดวก และผู้ใช้สามารถควบคุมแรงกดและทิศทางได้ด้วยตนเอง
- ข้อจำกัด คือประสิทธิภาพในการทำความสะอาดขึ้นอยู่กับเทคนิคและวินัยของผู้แปรงเองทั้งหมด หากแปรงไม่ถูกวิธีหรือไม่ทั่วถึงก็อาจยังมีคราบจุลินทรีย์หลงเหลืออยู่
- เหมาะสำหรับ ผู้ที่มั่นใจในเทคนิคการแปรงฟันของตนเอง สามารถควบคุมแรงกดได้ดี และต้องการความสะดวกในการพกพาหรือความประหยัด
2. แปรงสีฟันไฟฟ้า (Electric Toothbrush)
- ข้อดี คือมักจะกำจัดคราบจุลินทรีย์ได้ดีกว่าด้วยการเคลื่อนที่ที่สม่ำเสมอและรวดเร็ว ใช้งานง่ายโดยไม่ต้องอาศัยเทคนิคซับซ้อน และหลายรุ่นมีฟังก์ชันเสริมที่เป็นประโยชน์ เช่น ตัวจับเวลา 2 นาที หรือเซ็นเซอร์เตือนเมื่อแปรงแรงเกินไป
- ข้อจำกัด คือมีราคาสูงกว่า ต้องชาร์จแบตเตอรี่หรือเปลี่ยนถ่าน และบางคนอาจรู้สึกจั๊กจี้ในช่องปากช่วงแรกที่ใช้งาน
- เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพการทำความสะอาดสูงสุด ผู้ที่มักจะแปรงฟันแรงเกินไป หรือผู้ที่มีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหวของมือ เช่น เด็ก และผู้สูงอายุ
สิ่งที่สำคัญกว่าชนิดของแปรงสีฟัน
ไม่ว่าจะเลือกใช้แปรงชนิดใด หัวใจสำคัญที่สุดของการมีสุขภาพช่องปากที่ดีคือวินัยในการดูแล
- เทคนิคการแปรงที่ถูกต้อง การแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 2 นาที ด้วยวิธีที่ถูกต้องและทั่วถึงสำคัญกว่าราคาหรือชนิดของแปรง
- การใช้ไหมขัดฟันทุกวัน เพื่อทำความสะอาดในบริเวณที่แปรงเข้าไม่ถึง
- การเปลี่ยนแปรงสีฟันทุก 3 เดือน หรือเมื่อขนแปรงเริ่มบาน เพราะขนแปรงที่เสื่อสภาพจะไม่สามารถทำความสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การพบทันตแพทย์เป็นประจำ เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและขูดหินปูนทุก 6 เดือน
บทสรุป
แปรงสีฟันที่ดีที่สุดคือแปรงที่คุณสามารถใช้งานได้อย่างสม่ำเสมอและถูกต้องทุกวัน โดยต้องเป็นแปรงที่มี "ขนแปรงนุ่ม" และมีขนาดพอเหมาะกับช่องปากของคุณเสมอ ไม่ว่าจะเป็นแปรงธรรมดาหรือแปรงไฟฟ้า หากใช้อย่างถูกวิธีร่วมกับการดูแลอื่นๆ ก็สามารถทำให้สุขภาพช่องปากแข็งแรงได้เช่นกัน หากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับคุณที่สุด